วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

แหล่งท่องเที่ยวนที่น่าสนใจ ฝรั่งเศส

หอไอเฟล



    หอไอเฟล เป็นสถาปัตยกรรมอีกชิ้นหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความแปลกใหม่และทันสมัย  มีความงดงามและเป็นศิลปกรรมที่เต็มได้วยความคิดสร้างสรรค์
หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรำลึกถึงการปฏิวัติประชาชนที่มีอายุครบรอบ 100 ปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 71 ล้านฟรังค์ ผู้ที่ออกแบบหอไอเฟลคือ นาย กุสตาพ เอฟเฟล
หอไอเฟลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากโครงเหล็กขนานใหญ่มีความสูงถึง 300 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างนาน 2 ปี  สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2432 จัดเป็นหอที่มีการออกแบบการก่อสร้างที่มีความผิดแผกแตกต่างจากการก่อสร้างในอดีตเป็นอย่างมาก ชั้นบนของหอไอเฟลจะมีอาคาร 3 ชั้น  ไว้คอยบริการอาหารและของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพที่งดงามจากกรุงปารีสได้จากชั้นบนสุดของอาคารที่เปิดโล่งเอาไว้

ปัจจุบัน หอไอเฟล เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ทำให้ทุกคนนึกถึงประเทศฝรั่งเศสเพราะสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่นั้น  เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความแปลกใหม่และไม่มีใครเหมือน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย  แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่สามารถจะเข้ามาทดแทน หอไอเฟล ได้

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum)




พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (ฝรั่งเศส: Musée du Louvre อังกฤษ: Louvre Museum) หรือในชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิธภัณฑ์ทางศิลปะ ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นพิพิธภัณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์คาเปเทียง ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่า ระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antioch ในปี พ.ศ. 2549
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้ มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส

พีรามิดแก้ว ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์สมัยใหม่ของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พีรามิดแก้วนี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1989 ซึ่งสร้างขึ้นมาภายหลังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ถึงเกือบ 200 ปี จุดประสงค์ก็เพื่อให้เป็นทางเข้าใหม่ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนขยายของแกลเลอรี่และคอมเพล็กซ์ใต้ลานของพิพิธภัณฑ์

นอกเหนือจากพีรามิดหลักที่เป็นทางเข้า ก็ยังมีพีรามิดขนาดเล็กอีก 3 หลังอยู่รายรอบ และนอกเหนือจากความสวยงามแล้ว พีรามิดเหล่านี้ยังทำหน้าที่รับแสงสว่างจากธรรมชาติให้ส่องทะลุลงไปยังคอมเพล็กซ์ด้านล่างได้

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป หรือ เหย่ว หมิง เป่ย เป็นสถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน งานออกแบบของ ไอ. เอ็ม. เป จะมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น โดยมีการใช้ หิน คอนกรีต แก้ว และ เหล็กเป็นส่วนใหญ่ ไอ. เอ็ม. เป ได้รับรางวัลพริตซ์เกอร์ซึ่งเป็นรางวัลระดับโลกสูงสุดของสถาปัตยกรรม ในปี ค.ศ.1983

เหตุผลหนึ่งที่งานสถาปัตยกรรมพิพิธภัณฑ์ของ ไอ.เอ็ม. เพ ประสบความสำเร็จก็เพราะมีความงามที่ดึงดูดใจประชาชน ทั้งในลักษณะเมื่อแรกพบและหลังจากได้เข้าสัมผัสเรียนรู้ดูงานภายในอาคาร ประชาชนจะมีความเพลิดเพลินพอใจในตัวสถาปัตยกรรมพิพิธภัณฑ์เองพอ ๆ กับตัวผลงานศิลป์ที่ติดตั้งไว้ในนั้น

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793)





พระราชวังแวร์ซายส์

พระราชวังแวร์ซายส์ (ภาษาฝรั่งเศส: Château de Versailles) เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหานครปารีส พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันด้วย
ประวัติ
เดิมนั้น เมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ภายในพระราชวังมีภาพวาด ภาพแกะสลักซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัยสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับอเมริกาในปี ค.ศ 1783 แวร์ซายส์ นับเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันที่ก่อให้เกิด
การปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1789 ต่อมาในปี ค.ศ. 1815 พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ได้เปลี่ยนสภาพพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และใช้เป็นสถานที่ลงนามในสัญญาสงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919 นอกจากเครื่องประดับที่เก่าแก่ และสูงค่าแล้ว การจัดสวนก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่างดงามยิ่งนัก เพราะมีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสวยงามมาก โดยเฉพาะตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนที่เป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ปัจจุบันใช้เป็นที่ๆให้ผู้เข้าชมไปเดินเล่น พักผ่อน และมีม้าหินให้นั่งเล่นเป็นระยะๆ การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎร ชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแก่ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมความสวยงาม หากนับเวลาตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้ก็มีอายุยืนนานถึง 300 ปีเศษ ที่ยังคงความงามอยู่ได้โดยไม่เสื่อมคลาย
พระราชวังแวร์ซายส์ได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2522 ที่ประเทศอียิปต์


ประตูชัยฝรั่งเศส 


    
ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกลล์ หรือ จัตุรัสแห่งดวงดาว อยู่ทางทิศตะวันตกของชองป์เซลิเซ่ส์ ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย ประตูชัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์" ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเมืองปารีส ประตูชัยแห่งนี้ออกแบบโดย ฌอง ชาลแกร็งในปี พ.ศ. 2349 โดยมียุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศสกำลังต่อสู้กับทหารเยอรมัน เต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการปลุกใจ และเป็นอนุสรณ์สถานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ประตูชัยฝรั่งเศสมีความสูง 49.5 เมตร  กว้าง 45 เมตร และลึก 22 เมตร  เป็นประตูชัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แบบของประตูชัยฝรั่งเศสนี้ได้แนวความคิดมาจากประตูชัยไตตัส ประตูชัยฝรั่งเศสมีความใหญ่มาก เพราะหลังจากมีการสวนสนามในปรุงปารีสเมื่อปี พ.ศ. 2462 ชาร์ลส์ โกดฟรัว ได้ขับเครื่องบินนีอูปอร์ต ผ่านกลางประตูชัยฝรั่งเศสเพื่อเป็นการสดุดีเหล่าทหารอากาศที่ได้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น